วัดญาณสังวรารามเป็นป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2519 โดยนายแพทย์ขจรและคุณหญิงนิธิวดี อ้นตระการ ได้ถวายที่ดินแด่สมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อสร้างวัดในพระพุทธศาสนา และปรารถนาให้มีนามตามทินนามสมณศักดิ์ของสมเด็จฯ วัดนี้จึงมีชื่อว่า "วัดญาณสังวราราม" และในปี พ.ศ. 2525 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระมหากรุณารับไว้เป็นวัดในพระบรมราชูปถัมภ์
ด้วยขนาดพื้นที่ 366 ไร่ อีกทั้งการอุปถัมภ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และจากพุทธศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธา ที่นี่จึงมีการก่อสร้างปูชนียวัตถุที่วิจิตรงดงาม นอกจากนี้ยังมีโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เช่น ศูนย์การฝึกอบรมพิเศษ บริเวณอนุรักษ์สัตว์ป่าและป่าไม้ โรงพยาบาล เป็นต้น
พระอุโบสถ สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโดยดัดแปลงจากแบบพระอุโบสถเก่าคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร พระพุทธปฏิมาประธานประจำอุโบสถ ได้รับการถวายพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์" สร้างน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ มีความสูง 39 เมตร ฐาน 39 เมตร มีความหมายว่า "พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเพื่อความพิพัฒนาสถาพรแห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์" น้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และพระบรมราชวงศ์จักรี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ นอกจากภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้วยังมีพระธาตุของพระสาวก เช่น พระอานนท์ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระควัมปติ
พระมหามณฑปพุทธบาท ภปร.สก. แบ่งเป็น 2 ชั้น โดยชั้นบนเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทคู่ องค์พระมณฑปประดับด้วยโมเสสสีทองจรดยอด ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานโมเสสีทอง ซึ่งรื้อมาจากการบูรณะปฏิสังขรณ์ พระเจดีย์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
สร้างขึ้นด้วยความซาบซิ้งในพระคุณของพระพุทธเจ้าและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อันเชิญพระ ปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยย่อ สก. ประดิษฐานที่องค์พระมหามณฑป ทั้งยังได้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี เป็นผู้ออกแบบ
ศาลานานาชาติ เป็นศาลาขนาดเล็กตั้งอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำมาบฟักทองมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมประจำชาติของแต่ละชาติ ศาลาไทยล้านนา และศาลาไทยภาคกลาง, ศาลาจีนหลังคาประดับมังกร, ศาลาจีนหลังคาประดับหงส์, ศาลาญี่ปุ่น, ศาลาตะวันตก, ศาลาอินเดีย มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ศาลามังกรเล่นน้ำ”
การเดินทาง : ใช้ถนนสุขุมวิทจากพัทยาไปอีก 160 ก.ม. มองหาป้ายบอกทางแล้วเลี้ยวซ้ายไปวัดญาณสังวราราม ถ้าหากใช้ถนนเลี่ยงเมืองหมายเลข 36 เมื่อใกล้ถึงสะพานใหญ่ ให้กลับรถและมุ่งหน้าเข้าอำเภอสัตหีบ แล้วเข้าถนนหมายเลข 331 ขับต่ออีกประมาณ 15 นาที จะพบป้ายบอกทางให้เลี้ยวขวา
เวลาเปิด-ปิด : 08.00-18.00
หมายเลขโทรศัพท์ : 0 3823 7506
โครงการในพระราชดำริ : 0 3823 8060